FONT
CRU56 APISIT
การศึกษาข้อมูล
Font
1. ความหมายของ
Font
Font คือFont
เป็นกลุ่มของตัวอักษรข้อมูลที่พิมพ์ได้
หรือแสดงผลได้ที่กำหนดแบบและขนาด ประเภทการออกแบบสำหรับชุด font คือ typeface และการแปรผันของการออกเพื่อสร้างเป็น typeface
family เช่น Helvetica เป็น typeface
family, Helvetica italic เป็น typeface และ Helvetica
italic 10-piont คือ font ในทางปฏิบัติ font และ typeface ใช้โดยไม่เน้นความแม่นยำ outline font เป็น
ซอฟต์แวร์ typeface ที่สามารถสร้างช่วงขนาดของฟอนต์ bitmap
font เป็นการนำเสนอแบบดิจิตอลของฟอนต์ที่มีขนาดตายตัว
หรือจำกัดกลุ่มของขนาด ซอฟต์แวร์ outline font ที่นิยมมาก 2 โปรแกรมปัจจุบัน
คือ true type และ adobe's type 1โดยฟอนต์
true type มากับระบบการ Windows และ Macintosh
ส่วน type 1 เป็นมาตรฐาน outline font
(ISO 9541) ทั้งฟอนต์ true type และ type
1 สามารถใช้กับเครื่องพิมพ์ adobe's postscript (ถึงแม้ว่า) adobe พูดว่าฟอนต์ type 1 สามารถใช้ได้เต็มที่กับภาษา post script
1.1
ความแตกต่างของไทป์เฟซกับฟอนต์ บุคคลทั่วไปมักใช้คำว่า ฟอนต์ (font/fount) เรียกแทนไทป์เฟซ หรือใช้เรียกสลับกัน
แต่ในความจริงแล้วมีความหมายที่แตกต่างกัน
ไทป์เฟซหมายถึงชุดตัวอักษรที่มีรูปแบบเดียวกัน ไม่ว่าจะมีขนาดใหญ่เล็กเท่าไร เช่น Arial,
Arial Bold, Arial Italic และ Arial Bold Italic ต่างเป็นไทป์เฟซคนละชนิดกัน ส่วนฟอนต์จะหมายถึงชุดตัวอักษรที่มีทั้งไทป์เฟซและขนาดเดียวกัน
ตัวอย่างเช่น Arial 12 พอยต์ก็เป็นฟอนต์หนึ่ง Arial
14 พอยต์ก็เป็นฟอนต์หนึ่ง Arial Bold 14
พอยต์ก็เป็นอีกฟอนต์หนึ่ง เป็นต้น ในการสร้างเอกสารแบบดิจิทัล
ผู้ใช้สามารถเปลี่ยนขนาดฟอนต์ได้เองในคอมพิวเตอร์ ทำให้ความแตกต่างของไทป์เฟซกับฟอนต์จึงลดความสำคัญลงไป
สำหรับตระกูลหรือสกุลของตัวอักษร (font/type family) มีความหมายกว้างกว่าไทป์เฟซ
กล่าวคือ แบบตัวอักษรชื่อเดียวกันที่อาจมีรูปแบบต่างๆ กัน
ถือเป็นแบบอักษรตระกูลเดียวกัน โดยปกติจะมี 4 รูปแบบคือ roman,
italic, bold, bold italic แบบอักษรบางตระกูลอาจมี narrow,
condensed หรือ black อยู่ด้วยก็ได้ ดังนั้น Arial,
Arial Bold, Arial Italic และ Arial Bold Italic ทั้งหมดเป็นแบบอักษรในตระกูล Arial ในขณะที่ Helvetica
หรือ Courier ก็เป็นอีกตระกูลหนึ่ง
ลักษณะทั่วไป เชิงอักษรไทป์เฟซสามารถแบ่งได้เป็นสองประเภทใหญ่ๆ คือ แบบมีเชิง (serif)
และแบบไม่มีเชิง (sans serif) แบบเซริฟคือแบบอักษรที่มีขีดเล็กๆ
อยู่ที่ปลายอักษรเรียกว่า เซริฟ ดังที่ปรากฏในตัวอักษรตระกูล Times แบบอักษรชนิดนี้มีชื่อเรียกอีกอย่างหนึ่งว่าแบบโรมัน (roman) ซึ่งมีต้นกำเนิดมาจากอักษรที่จารึกไว้ในหินของอาณาจักรโรมัน
เซริฟมีส่วนช่วยในการกวาดสายตาไปตามตัวอักษร ทำให้อ่านง่าย
และนิยมใช้สำหรับพิมพ์เนื้อความ
ส่วนแบบซานส์เซริฟก็มีความหมายตรงข้ามกันคือไม่มีขีดที่ปลายอักษร
และมีชื่อเรียกอีกอย่างว่าแบบกอทิก (gothic) อักษรชนิดนี้ไม่เหมาะกับการเป็นเนื้อความ
แต่เหมาะสำหรับใช้พาดหัวหรือหัวเรื่องที่เป็นจุดเด่นซึ่งมองเพียงครั้งเดียว
อย่างไรก็ตาม ฟอนต์สมัยใหม่ที่ได้รับการออกแบบในคอมพิวเตอร์
อาจมีทั้งแบบเซริฟและซานส์เซริฟปะปนกันในฟอนต์หนึ่งๆ
ความกว้างอักษรหากจะแบ่งประเภทตามความกว้างของอักษร สามารถแบ่งได้สองแบบคือ
แบบกว้างตามสัดส่วน (proportional) และแบบกว้างขนาดเดียว (monospaced)
ผู้คนส่วนมากนิยมไทป์เฟซแบบกว้างตามสัดส่วน
ซึ่งความกว้างอักษรจะแปรผันไปตามความกว้างจริงของรูปอักขระ
เนื่องจากดูเหมาะสมและอ่านง่าย แบบอักษรประเภทนี้พบได้ทั่วไปตามสิ่งพิมพ์ต่างๆ
รวมไปถึง GUI ในโปรแกรมคอมพิวเตอร์
(อาทิโปรแกรมประมวลคำหรือเว็บเบราว์เซอร์) แต่ถึงกระนั้น
รูปอักขระที่ใช้แทนตัวเลขในหลายไทป์เฟซมักออกแบบให้มีความกว้างเท่ากันหมด
เพื่อให้สามารถจัดเรียงได้ตรงตามคอลัมน์
ส่วนไทป์เฟซแบบกว้างขนาดเดียวเป็นการออกแบบที่มีจุดประสงค์เฉพาะ มีความกว้างอักษรเท่ากันหมดไม่ขึ้นอยู่กับรูปอักขระ
คล้ายอักษรที่พิมพ์จากเครื่องพิมพ์ดีดซึ่งมีคอลัมน์ของตัวอักษรตรงกันเสมอ
แบบอักษรชนิดนี้มีที่ใช้ในระบบปฏิบัติการคอมพิวเตอร์บางชนิดเช่น DOS, Unix และเป็นที่นิยมในหมู่โปรแกรมเมอร์สำหรับแก้ไขซอร์สโคด ศิลปะแอสกี (ASCII
Art) เป็นตัวอย่างหนึ่งที่จำเป็นต้องใช้อักษรแบบกว้างขนาดเดียวเพื่อการแสดงผลที่สมบูรณ์
ถ้าหากพิมพ์ตัวอักษรสองบรรทัดด้วยจำนวนอักษรที่เท่ากันในแต่ละบรรทัด
ไทป์เฟซแบบกว้างขนาดเดียวเราจะเห็นความกว้างทั้งสองบรรทัดเท่ากัน
ในขณะที่แบบกว้างตามสัดส่วนจะกว้างไม่เท่ากัน
และอาจไม่กว้างเท่าเดิมเมื่อเปลี่ยนไทป์เฟซ เนื่องจากรูปอักขระกว้างเช่น W,
Q, Z, M, D, O, H, U ใช้เนื้อที่มากกว่า และรูปอักขระแคบเช่น i,
t, l, 1 ใช้เนื้อที่น้อยกว่าความกว้างเฉลี่ยของอักษรอื่นในไทป์เฟซนั้นๆ
การวัดขนาดฟอนต์ขนาดของไทป์เฟซและฟอนต์ในงานพิมพ์ โดยปกติจะวัดในหน่วย พอยต์ (point)
ซึ่งหน่วยนี้ได้กำหนดขนาดไว้แตกต่างกันในหลายยุคหลายสมัย
แต่หน่วยพอยต์ที่แท้จริงนั้นมีขนาดเท่ากับ 172 นิ้ว สำหรับการออกแบบอักษร
จะวัดด้วยหน่วย เอ็ม-สแควร์(em-square) เป็นหน่วยที่สัมพันธ์กับฟอนต์ขนาดนั้นๆ
โดยหมายถึงความสูงที่สูงกว่าเล็กน้อยตั้งแต่ยอดปลายหางอักษรที่ชี้ขึ้นบน
ลงไปถึงสุดปลายหางอักษรที่ชี้ลงล่างของฟอนต์นั้นๆ เอง
ซึ่งเท่ากับความสูงของตัวพิมพ์ในงานพิมพ์ หรืออาจสามารถวัดได้ในหน่วยมิลลิเมตร คิว
(¼ ของมิลลิเมตร) ไพคา (12 พอยต์) หรือเป็นนิ้วก็ได้
1.2 ชนิดตัวอักษร Type Style ก่อนที่จะลงมือนำตัวอักษรมาใช้ในเว็บไซต์ของเรานั้น
ชนิดของตัวอักษร หรือตัวหนังสือเป็นสิ่งแรกที่เราต้องทำความรู้จักเสียก่อน
ซึ่งชนิดของตัวอักษรนั้น ส่วนใหญ่ที่เรารู้จักกัน นั่นก็คือ ฟอนต์ ( Font) นั่นเอง ชนิดของตัวอักษรนั้น เราแบ่งตามที่เราทำงานกันอยู่ทุกวันเป็นหลัก
โดยแบ่งออกได้ 2 ประเภท คือ อักษรภาษาอังกฤษ กับอักษรภาษาไทยตัวอักษรภาษาอังกฤษ English
Letterปฏิเสธไม่ได้เลยว่างานออกแบบกราฟิกที่เราเห็นกันอยู่ทุกวันนี้
เต็มไปด้วยตัวอักษรภาษาอังกฤษ ถึงแม้ว่าเราจะเป็นคนไทยก็ตาม แต่เราก็นิยมนำภาษาอังกฤษมาใช้ในเว็บไซต์ของเราเสียเป็นส่วนใหญ่
โดยตัวอักษรภาษาอังกฤษที่ใช้ในการออกแบบนั้นมี
1.2.1 Serif หรือตัวอักษรแบบโรมัน
หรือบางคนก็เรียกว่าแบบ โบราณ Tradition old style ซึ่งจุดเด่น
ของตัวอักษรแบบนี้คือ การที่ตัวอักษรมีหัว มีเท้า ตัวอักษรมีความหนาบางไม่ต่างกันนัก ตัวอักษรแบบนี้ ให้ความรู้สึก
ถึงความเก่าความลังจึงมักจะใช้กับงานที่เป็นทางการ กึ่งไปทางพิธีรีตรอง
หรือเรื่องราวในเชิงอนุรักษ์นิยม ถ้าเป็นงานสิ่งพิมพ์จำพวกหนังสือ
ก็มักจะใช้เป็นตัวพาดหัวเรื่องมากกว่าจะเป็นเนื้อหาให้อ่าน
1.2.2 San Serif หรือตัวอักษรแบบ Gothic เป็นตัวอักษรที่มีพื้นฐานมาจากแบบ
Serif แต่ดัดแปลงเอาหัวและเท้าออก ให้ดูเรียบ
ให้ความรู้สึกถึงความทันสมัยกว่าแบบแรก ตัวอักษรมีความหนาบาง ไม่ต่างกันนัก
ตัวอักษรแบบ San Serif เป็นตัวอักษรที่ได้รับความนิยมในการออกแบบเป็นอย่างมาก
เพราะดูเรียบง่าย ทันสมัย เหมาะกับการนำไปใช้ออกแบบหลายชนิด และในหนังสือมักจะนิยม
1.2.3 Script เป็นตัวอักษรที่เลียนแบบลายมือ ตัวเขียน
ตัวอักษรมีความหนาบางทั้งแบบพอๆ กัน เหมือนเขียนด้วยตัวอักษรดินสอ
และต่างกันเหมือนเราเอาปากกาคอแร้งเขียนตัวหนังสือ
ตัวอักษรชนิดนี้ให้ความรู้สึกไม่เป็นทางการอิสระเส้นสายของตัวอักษรให้ความรู้สึกสนุกสนานไร้กฎเกณฑ์ที่แน่นอนตายตัว
จึงมีงานไม่น้อยเลยทีเดียวที่ใช้ตัวอักษรแบบนี้ กับกลุ่มเป้าหมายที่เป็นวัยรุ่น
และที่สำคัญในการทำงานสิ่งพิมพ์เราจะไม่ใช้ตัวอักษรแบบนี้เป็นตัวหนังสือให้อ่านเพราะจะทำให้อ่านลำบาก
เมื่อมีจำนวนมาก ยกเว้นจะใช้เป็นหัวเรื่อง
1.2.4 Display Type หรือตัวประดิษฐ์
เป็นตัวอักษรที่ ได้รับการตกแต่งให้โดดเด่น
บางตัวก็เป็นภาสัญลักษณ์ซึ่งเราสามารถนำมาประกอบใช้ในงานได้เช่นกัน
ตัวอักษรแบบนี้มีรูปแบบที่หลากหลาย ยากที่จะจำกัดความ
การเลือกใช้ก็สุดแล้วแต่นักออกแบบจะเอาไปใช้ในงานอะไร
เพราะแต่ละแบบแต่ละชนิดก็ให้อารมณ์ ความรู้สึก และการสื่อความหมายที่แตกต่างกันออกไป
1.3
ตัวอักษรภาษาไทย Thai Letterตัวอักษรที่เป็นภาษาไทยอาจจะจัดวางยากกว่าตัวอักษรภาษาอังกฤษอยู่บ้าง
เนื่องจากมีสระและวรรณยุกต์ ซึ่งบางครั้งก็ยุ่งยากในการจัดวางให้ลงตัว
หรือให้ดูสวยงาม โดยตัวอักษรภาษาไทยแบ่งออกเป็นหลายชนิด
1.3.1 แบบดั้งเดิม เป็นแบบมีหัวเป็นแบบที่เราคุ้นเคยกันมากที่สุด
ซึ่งหัวของตัวอักษรนี้ที่เป็นเอกลักษณ์ของภาษาไทยเราตัวอักษรแบบนี้
แสดงความเป็นทางการคล้ายๆ กับ Serif ของภาษาอังกฤษ
คือเป็นตัวอักษรที่มีหัว นอกจากนี้ยังเป็นตัวที่เราคุ้นเคยและอ่านออกง่าย
ตัวอักษรแบบนี้จึงนำมาจัดวางเป็นเนื้อหาในงานสิ่งพิมพ์
1.3.2
แบบหัวตัด เป็นแบบที่ไม่มีหัว เป็นตัวอักษรที่ดัดแปลงมาจากแบบมีหัวโดยตัดหัวออก
เหมือนเขียนด้วยปากกาคอแร้งตัวอักษรแบบนี้ให้อารมณ์ ความรู้สึก ถึงความทันสมัย
ซึ่งจะเหมือนกันแบบ San
Serif ของตัวอักษรในภาษาอังกฤษ จึงมักจะใช้ตัวอักษรนี้กับงานที่ดูร่วมสมัยและเป็นสากลมากกว่า
1.3.3
แบบลายมือ แบบลายมือจะให้ความรู้สึกที่เป็นธรรมชาติ
ตัวอักษรแบบนี้เหมาะที่จะใช้กับงานที่ไม่เป็นทางการ อิสระ ดูสนุกสนาน
และไร้กฎเกณฑ์ เปรียบได้กับตัวอักษรแบบ Script ของตัวอักษรภาษาอังกฤษ
1.3.4
แบบคัดลายมือ หรือเรียกกันว่าแบบอาลักษณ์ เป็นแบบที่เกิดจากการคัดลายมือ
ด้วยปลายปากกา ลักษณะจะมีหัวแหลม เช่น ปากกาขนนก ตัวอักษรแบบนี้แสดงความเป็นทางการ
และให้ความรู้สึกถึงพิธีรีตอง แบบไทยๆ
นอกจากนี้ตัวอักษรยังให้ความรู้สึกถึงความเคารพ และให้เกียรติกัน
จึงไม่น่าแปลกถ้าเราจะเห็นตัวอักษรแบบนี้ ปรากฏอยู่ในการ์ดเชิญและในงานมงคลต่างๆ
1.3.5
แบบประดิษฐ์
เป็นตัวอักษรที่ดัดแปลงเพื่อให้เข้ากับงานต่างๆ ที่จะออกแบบ
ทั้งนี้ยังต้องคงความสะดุดตาน่าสนใจตัวอักษรที่เป็นแบบประดิษฐ์ให้ความรู้สึกที่หลากหลาย
สุดแล้วแต่เราจะเลือกแบบไหนมาจัดวาง
เพื่อให้กลมกลืนและสื่อความหมายในงานออกแบบของเรา ตัวอักษรแบบนี้ก็เหมือน Display Type ของตัวอักษรภาษาอังกฤษ นอกจากฟอนต์ที่เราได้รู้จักกันไปแล้ว
ต่อไปมาทำความรู้จักกับ บุคลิก (Character) ต่างๆ
ของตัวอักษรกันบ้าง
วิธีการดำเนินงานการออกแบบฟ้อนต์
CRU56
APISIT
2. ขั้นตอนการออกแบบ
โหลดโปรแกรม Fontlab และ Adobe Illustrator
Fontlab
Adobe Illustrator
2.1 ออกแบบฟ้อนต์ด้วยโปรแกรม
Adobe
Illustrator
และ Fontlab
2.1.1โครงสร้างของที่เราออกแบบโดยโปรแกรม
Adobe Illustrator
2.2 และนำฟ้อนที่ออกแบบมาจัดโครงสร้างให้ได้สัดส่วน
แล้วกด File + Open +
Installled Font กดเลือกไปที่ CRU lanchand 56
2.4 เมื่อไฟล์ขึ้นมา
กด ไปที่ Ctrl + A ครอบฟ้อนทั้งหมด
2.5 เมื่อครอบฟ้อนต์ทั้งหมด
แล้ว กด Tools + Backgroud + Create
2.6 เมื่อขึ้น
Create Backgroud จะขึ้นเป็นโครงสร้าง CRU Lanchand
56 เพื่อเป็น Guide line ในการจัดวางตัวอัการที่เรานำมาออกแบบ
2.7 เมื่อขึ้น
Guide line แล้ว ไปที่โปรแกรม Adobe Illustrator กด Copy ตัวงานที่เราได้ออกแบบไว้มาPase
ลง โปรแกรม Fontlab ลงใน
รหัสยูนิโคดของฟ้อนต์ให้ถูกต้อง
2.8 เมื่อวางฟ้อนต์ที่เราได้ออกแบบไว้ลงใน
โปรแกรม Fontlab ลงใน รหัสยูนิโคดของฟ้อนต์ครบแล้วกด ไปที่ Ctrl
+ A ครอบฟ้อนทั้งหมด แล้วกด Contour + Transform + Merge
Contours เมื่อกดแล้วเส้นที่แยกออกจากกันจะรวมกัน
2.9 เมื่อ
Merge Contours ครบแล้ว กดไปที่ Tools + Quick Test As +
OpenTypeTT เพื่อ TestFont ที่เราได้ออกแบบไว้จนเสร็จเพื่อจะมาปรับแก้ไขระยะให้ได้สัดส่วนที่ถูกต้องตามต้องการ
2.10 เมื่อได้สัดส่วนที่ต้องการแล้วเมื่อเราอยากได้ฟ้อนต์ที่เราออกแบบแล้วมาทำเป็นฟ้อนitalic
กดไปที่ Tools + actions +
Contour + Slant แล้วปรับค่า Slant angle เป็น
9% แล้วกดไปที่ Slant to the right (เอียงไปด้านขวา)
Slant to the left (เอียงไปด้านซ้าย) เมื่อคลิก Slant
to theright ฟ้อนของเราจะเอียงไปทางด้านขวา9%
2.11 เมื่อเราพอใจกับฟ้อนต์เราแล้ววิธีการที่จะนำฟ้อนต์ของเรานำไปใช้
กดไปที่ File + Generete Font แล้วกดตัวเลือกไปที่ True
Type Opentype TT (ttf)
2.12 เมื่อกดตัวเลือกไปที่
True
Type Opentype TT (ttf) จะขึ้นเป็นไฟล์
TTFที่สามารถติดตั้งลงในคอมพิวเตอร์ของเราได้พร้อมใช้งาน
Font CRU56 APISIT ที่ออกแบบเสร็จเรียบร้อย
นำFont CRU56 APISIT มาทำเป็นโลโก้ต่างๆ

































ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น